หนึ่งในโรคที่อันตรายสำหรับผู้หญิง นั่นคือ มะเร็งปากมดลูก โดยไวรัสตัวสำคัญที่ทำให้มีความเสี่ยงเกิดโรคคือ Human Papilloma Virus หรือ HPV ดังนั้น การป้องกันโรคนี้เบื้องต้นคือ การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV Vaccine) แบ่งเป็น 3 สูตร ดังนี้
– วัคซีนป้องกัน HPV 2 สายพันธุ์ เป็นวันซีนสำหรับป้องกันเชื้อสายพันธุ์ที่ก่อมะเร็งปากมดลูก
– วัคซีนป้องกัน HPV 4 สายพันธุ์ เป็นวัคซีนสำหรับป้องกันเชื้อสายพันธุ์ที่ก่อมะเร็งปากมดลูกและสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่
– วัคซีนป้องกัน HPV 9 สายพันธุ์ ใช้สำหรับป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV 9 สายพันธุ์ ในผู้หญิงและผู้ชาย ที่มีอายุตั้งแต่ 9 ถึง 45 ปี เป็นวัคซีนที่ครอบคลุมไวรัสสายพันธุ์ที่ให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก หูดหงอนไก่ ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์และมะเร็งทวารหนัก
ล่าสุด วันที่ 11 ธ.ค. 2567 ได้มีการรายงานว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ตอนนี้รัฐบาลกำลังเดินหน้าการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก เป็นวัคซีนชนิด 2 หรือ 4 สายพันธุ์ จำนวน 4 แสนโดส และชนิด 9 สายพันธุ์ จำนวน 673,500 โดส แบ่งกลุ่มเป้าหมาย คือ
1. หญิงอายุ 11 – 20 ปี ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว กำหนดให้วัคซีน HPV ชนิด 2 หรือ 4 สายพันธุ์ ฉีดเป็นเข็มที่ 2 จัดส่งวัคซีนให้ทุกจังหวัดแล้ว
2. นักเรียน ป.5 ปีการศึกษา 2567 กำหนดให้วัคซีน HPV 9 สายพันธุ์ จำนวน 1 เข็ม
3. หญิงอายุ 11-20 ปี นอกเหนือจากกลุ่ม ป.5 ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน กำหนดให้วัคซีน HPV 9 สายพันธุ์ จำนวน 1 เข็ม เริ่มตั้งแต่ 20 ธันวาคม นี้ เป็นต้นไป ในระดับนักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนวัดเขียนเขต จ.ปทุมธานี หลังจากนั้นจะกระจายไปยัง 5 ภาคทั่วประเทศ โดยหวังว่าจะฉีดได้มากกว่า 1 ล้านโดส เพื่อลดอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิตด้วยมะเร็งปากมดลูก
ข้อมูล ฐานเศรษฐกิจ